ยุโรปจับตา ควันภูเขาไฟ ลามน่านฟ้า
หลายชาติในยุโรปยังไม่สั่งปิดสนามบินหลังกลุ่มควันเถ้าถ่านจากภูเขาไฟระเบิดในไอซ์แลนด์พุ่งสู่ท้องฟ้าเกือบ 20 กม. กลุ่มควันปกคลุมท้องฟ้าจนมืดมิด ทำให้กลางวันเหมือนกลายเป็นกลางคืน แต่จับตาอย่างใกล้ชิดหวั่นเถ้าถ่านแผ่ปกคลุมหนักเหมือนเหตุภูเขาไฟระเบิดปีที่แล้ว ด้านสนามบินในประเทศของไอซ์แลนด์ถูกสั่งปิด เที่ยวบินในประเทศถูกยกเลิกหมด ส่วนเหตุพายุทอร์นาโดกระหน่ำรัฐมิสซูรี สหรัฐอเมริกา เมือง “จอปลิน” อ่วมเจอเต็มๆฤทธิ์พายุกวาดเมืองพังราพณาสูร มีผู้เสียชีวิต 89 ศพ ขณะที่ทอร์นาโดอีกลูกซัดเมืองมินนีอาโพลีส รัฐมินเนโซตา พังพินาศยับเยินเช่นกัน
เหตุภูเขาไฟกริมส์โวตน์ ใต้ธารน้ำแข็งวัตนาโยคุลล์ ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งใหญ่ที่สุดในยุโรป อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ที่เกิดการปะทุอย่างรุนแรงตั้งแต่วันเสาร์ที่ 21 พ.ค. ส่งกลุ่มควันเถ้าถ่านภูเขาไฟสู่ท้องฟ้าสูงเกือบ 20 กม. จนไอซ์แลนด์ต้องแจ้งเตือนสายการบินต่างๆ เลี่ยงเส้นทางบินใกล้ภูเขาไฟ ส่วนกลุ่มชาติยุโรปเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด หวั่นควันเถ้าถ่านแผ่คลุมอย่างหนักเหมือนเหตุภูเขาไฟอีกลูกในไอซ์แลนด์ที่ระเบิดเมื่อปีที่แล้ว แม้เหล่าผู้เชี่ยวชาญระบุจะไม่ส่งผลกระทบรุนแรงเท่า ขณะที่ภูมิภาคตะวันตกตอนกลางหรือมิดเวสต์ของสหรัฐฯถูกพายุหมุนทอร์นาโดเล่นงานงอมพระราม
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อวันที่ 23 พ.ค.ถึงความคืบหน้าภัยพิบัติธรรมชาติถล่มโลกดังกล่าวว่ากลุ่มควันเถ้าถ่านภูเขาไฟกริมส์โวตน์ ห่างจากกรุงเรกยาวิกของไอซ์แลนด์ไปทางตะวันออกประมาณ 200 กม.ซึ่งปะทุขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 21 พ.ค. เริ่มแผ่ปกคลุมถึงนครหลวงของประเทศแล้ว เมื่อเย็นวันอาทิตย์ที่ 22 พ.ค.ตามเวลาท้องถิ่น แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหายหรือผลกระทบอื่นๆ สำหรับพื้นที่ได้รับผลกระทบมากสุด เป็นเมืองและหมู่บ้านหลายแห่งทางใต้และตะวันออกของภูเขาไฟกริมส์โวตน์ ความหนาแน่นของกลุ่มควันเถ้าถ่านภูเขาไฟ ทำให้ท้องฟ้ายามกลางวันมืดมิดคล้ายเป็นกลางคืน อาคารและรถราเต็มไปด้วยฝุ่นขี้เถ้าภูเขาไฟปกคลุม เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือเกษตรกรนำฝูงปศุสัตว์เข้าคอกหรือโรงเก็บกำบัง แนะนำผู้อาศัยใกล้ภูเขาไฟให้สวมหน้ากากกันฝุ่นและอยู่แต่ในบ้าน
ส่วนสนามบินนานาชาติ “เคฟลาวิค” ซึ่งถูกทางการไอซ์แลนด์สั่งปิดพร้อมการสั่งปิดน่านฟ้าของประเทศ ไม่นานหลังภูเขาไฟกริมส์โวตน์ ที่แน่นิ่งมาตั้งแต่ปี 2547 ปะทุขึ้น และถือเป็นการปะทุรุนแรงที่สุดของภูเขาไฟลูกนี้ในรอบ 100 ปี ยังไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ อย่างน้อยถึงช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ 23 พ.ค.ตามเวลาท้องถิ่น ผลพวงการสั่งปิดสนามบินเคฟลาวิค ทำให้เที่ยวบินภายในประเทศถูกยกเลิกทั้งหมด ส่วนเที่ยวบินระหว่างประเทศถูกยกเลิก 40 เที่ยว ด้านเที่ยวบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก รวมทั้งเครื่องบินประจำตำแหน่งของผู้นำสหรัฐฯ “แอร์ ฟอร์ซ วัน” นำประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯและนางมิเชล ภริยา เดินทางเยือนยุโรปโดยแวะที่ไอร์แลนด์เมื่อค่ำวันอาทิตย์ 22 พ.ค. ได้รับแจ้งเตือนให้อยู่ห่างน่านฟ้าไอซ์แลนด์ด้วย
อย่างไรก็ดี สำนักงานควบคุมจราจรทางอากาศของยุโรป หรือยูโรคอนโทรลในกรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียม ระบุเหตุภูเขาไฟระเบิดที่ไอซ์แลนด์ครั้งนี้ ยังไม่กระทบเส้นทางการบินในยุโรป หรือเส้นทางบินข้ามมหาสมุทร แอตแลนติก แต่ยังออกแถลงการณ์เตือนกลุ่มควันเถ้าถ่านภูเขาไฟลอยกระจายมุ่งสู่ทิศตะวันออก คาดถึงพื้นที่ภาคเหนือของสกอตแลนด์ในวันที่ 24 พ.ค.และถ้าภูเขาไฟยังปะทุระดับรุนแรงเท่ากับระดับที่เป็นอยู่นี้ กลุ่มควันทะมึนภูเขาไฟจะลอยถึงน่านฟ้าด้านตะวันตกของฝรั่งเศสกับทางเหนือของสเปนในวันที่ 26 พ.ค. แต่ยังไม่มีการสั่งปิดสนามบินและน่านฟ้าในชาติยุโรปอื่นๆ
นายแมกนุส ทูมิ กูดมุนด์สสัน อาจารย์ภาควิชาธรณีฟิสิกข์ประจำ “ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ ไอซ์แลนด์” และผู้เชี่ยวชาญด้านภูเขาไฟคนอื่นๆ ระบุว่า ผลกระทบต่อการเดินทางทางอากาศ จากการปะทุของภูเขาไฟกริมส์โวตน์ครั้งนี้จะอยู่ในระดับจำกัด ไม่รุนแรงเท่าเหตุภูเขาไฟ “ไอยาฟิยาเยอคูลล์” ปะทุเมื่อเดือน เม.ย.ปี 2553 กระทบการเดินทางทางอากาศทั่วโลก ก่อมูลค่าความเสียหายกว่า 1,700 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้เพราะกระแสลมเป็นใจ พัดไปทางเหนือ ไม่ได้พัดลงใต้กับตะวันออกเฉียงใต้เหมือนกับเมื่อครั้งภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ปีที่แล้ว และความหนาแน่นของกลุ่มควันเถ้าถ่านภูเขาไฟครั้งนี้มีมากกว่า ทำให้ลมพัดไปได้ไม่ไกล
ด้านความคืบหน้าเหตุพายุหมุน “ทอร์นาโด” พัดถล่มพื้นที่หลายส่วนของภูมิภาคตะวันตกตอนกลาง หรือ มิดเวสต์ของสหรัฐฯ เมื่อช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ 22 พ.ค.ตามเวลาท้องถิ่น พื้นที่ที่ได้รับความเสียหายหนักสุดอยู่ที่เมือง “จอปลิน” ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐมิสซูรีและพื้นที่ใกล้เคียง คิดเป็นพื้นที่เสียหายประมาณ 25-30% ของพื้นที่ทั้งแถบตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐ มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 89 คน อิทธิฤทธิ์ทอร์นาโดทรงพลังยังก่อความเสียหายให้อาคารบ้านเรือน และทรัพย์สินอื่นๆ อย่าง หนัก แทบไม่เหลือสภาพเดิมให้เห็น รวมทั้งโรงพยาบาลท้องถิ่นเมืองจอปลิน “เซนต์จอห์น’ส รีเจียนอล เมดิคอล เซ็นเตอร์” ถูกทอร์นาโดพัดผ่าทะลุกลางอาคาร หลังคาปลิวว่อน หน้าต่างแตกกระจาย ผู้ป่วยหลายคนที่นอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล ได้รับบาดเจ็บไปด้วย ส่วนเฮลิคอปเตอร์ของโรงพยาบาลที่จอดรอขึ้นบินเหตุฉุกเฉิน ถูกแรงลมหมุนพัดคว่ำตะแคง ใบพัดหักหลุดจากลำตัวเครื่อง นอกจากนี้ หลายส่วนของพื้นที่ทางใต้เมืองจอปลินถูกทอร์นาโดเล่นงานเสียหายราบเป็นหน้ากลอง อาคารห้างร้านเหลือแต่เศษซาก
นายเจย์ นิคสัน ผู้ว่าการรัฐมิสซูรี ประกาศภาวะ ฉุกเฉิน ระดมสรรพกำลังหน่วยงานรัฐขึ้นรับมือและกู้ภัยความเสียหายจากภัยพิบัติครั้งนี้แล้ว ส่วนประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนยุโรป ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้สูญเสีย พร้อมสั่งการหน่วยงานจัดการภัยพิบัติฉุกเฉินส่วนกลาง (เอฟอีเอ็มเอ) ให้การสนับสนุนการกู้ภัยอีกแรงแล้ว
ขณะที่ทอร์นาโดอีกลูกพัดเล่นงานเมืองมินนีอาโพลีส รัฐมินเนโซตาในวันเดียวกัน นอกจากก่อความเสียหายด้านทรัพย์สินแล้วยังคร่าชีวิตผู้คนอีก 1 คน บาดเจ็บอย่างน้อย 30 คน ผู้คนไม่มีไฟฟ้าใช้ประมาณ 22,000 ครัวเรือน ด้านทางการท้องถิ่นรัฐแคนซัสซึ่งพื้นที่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือถูกทอร์นาโดพัดกระหน่ำเมื่อคืนวันเสาร์ 21 พ.ค. ประกาศภาวะฉุกเฉินขึ้นใน 16 เคาน์ตี้ พร้อมเร่งช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบภัย
วันเดียวกัน กรรมาธิการด้านสภาพอากาศของรัฐบาลออสเตรเลียเผยแพร่รายงานการศึกษาระบุอิทธิพลของภาวะโลกร้อนจะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 1 เมตรภายใน 1 ศตวรรษ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอาจทำให้เกิดน้ำท่วมแถบชายฝั่งที่มีโอกาสเกิด 1 ครั้งใน 1 ศตวรรษ มีความเป็นไปได้มากขึ้น ด้านเจ้าหน้าที่มาเลเซียเข้าสำรวจพื้นที่รอบหุบเขาบริเวณเกิดเหตุดินถล่ม ทับศูนย์เลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ไกลจากกรุงกัวลาลัมเปอร์มากนัก คร่าชีวิตผู้คน 16 คน รวมเด็กชาย 15 คน อายุ 8-19 ปี เมื่อวันเสาร์ที่ 21 พ.ค. เพื่อหาสาเหตุและแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายซ้ำ
ที่มา:นสพ ไทยรัฐ http://www.thairath.co.th/today/view/173670
รูปภาพประกอบจาก:http://www.jabchai.com/main/view_joke.php?id=9706